ถู ๆ ไถ ๆ อวัยวะเพศ เจ้าตัวเล็กคิดเรื่อง SEX ใช่ไหม

ถู ๆ ไถ ๆ อวัยวะเพศ เจ้าตัวเล็กคิดเรื่อง SEX ใช่ไหม

Loading

คุณพ่อคุณแม่จะทำอย่างไร เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กวัย 3-4 ปี ทำท่าทางนำอวัยวะเพศไปถูไถกับที่นอน หมอนข้าง หรือตุ๊กตา รวมถึงมีอาการเกร็งมือ เกร็งเท้า คล้ายกำลังช่วยตัวเอง

สารพันคำถามเกิดขึ้นในหัว ลูกฉันผิดปกติหรือเปล่า? โตขึ้นจะส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศหรือเปล่า? ลูกไปจำท่าทางแบบนี้มาจากไหนในเมื่อพ่อกับแม่ไม่เคยทำกิจกรรมกันให้เห็น?

คุณพ่อคุณแม่ตั้งสติและใจเย็น ๆ ลูกของคุณไม่ได้ผิดปกติ และพฤติกรรมที่แสดงออกมานั้น ก็ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกทางเพศแต่อย่างใด พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่าการกระตุ้นตัวเองของเด็ก(Self stimulation, Childhood masturbation) ซึ่งพบได้ในเด็กวัย 2-6 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังสนใจร่างกายและสำรวจเนื้อตัวร่างกายของตนเอง และการสำรวจนั้นก็รวมไปถึงอวัยวะเพศที่มีเส้นประสาทที่รับรู้ไวต่อความรู้สึกรวมอยู่ด้วยและอาจค้นพบโดยบังเอิญว่าการได้รับสัมผัสที่อวัยวะเพศ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินหรือรู้สึกดี ทำให้เจ้าตัวเล็กทำบ่อย ๆ ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศแต่อย่างใด แต่ผู้ใหญ่เกิดความกังวลหรือไม่ชอบใจ นั่นเพราะมองกระทำด้วยสายตาและความคิดของผู้ใหญ่ 

ทำอย่างไรเมื่อพบพฤติกรรมเหมือนช่วยตัวเองในเด็ก

1.ยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติ

คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจและยอมรับก่อนว่า การจับ คลึง หรือนำอวัยวะเพศไปถูไถสิ่งต่าง ๆ เป็นครั้งคราวนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และไม่ส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็ก ๆ แต่อย่างใด เป็นเพียงการค้นพบของเด็กเล็กโดยบังเอิญว่าการทำแบบนั้นสร้างความรู้สึกเพลิดเพลินได้

2.เบี่ยงเบนความสนใจ

พฤติกรรมการแสดงออกของเจ้าตัวเล็กที่เหมือนกับเป็นการช่วยตัวเองนั้น แม้ในทางการแพทย์จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้น้อย แต่หากการสัมผัสหรือการเสียดสีรุนแรง อาจสร้างความบอบช้ำหรือเป็นแผลที่อวัยวะเพศ ซึ่งอาจมีการติดเชื้อตามมาภายหลังได้นั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเบี่ยงเบนความรู้สึกของลูกเพื่อให้หยุดการกระทำดังกล่าว อีกทั้งหากปล่อยให้เด็กทำบ่อยครั้ง ความพึงพอใจที่ได้รับจะทำให้เด็กไม่สนใจกิจกรรมอื่น หรือไม่สนใจที่จะมีเพื่อน ซึ่งจะทำให้ขาดโอกาสในการมีสังคมและพัฒนาการด้านอื่น ซึ่งโดยปกติเด็กจะไม่พฤติกรรมช่วยตัวเองหากมีคนอยู่ด้วยหรือมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำ วิธีที่ดีที่สุดคือการหันเหความสนใจของเด็กไปสู่กิจกรรมอื่นอย่างรวดเร็ว

3.ทำกิจกรรมด้วยกัน

เด็กที่ถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีกิจกรรมเคลื่อนไหวให้ทำ มีแนวโน้มว่าจะมีพฤติกรรมดังกล่าว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกออกไปทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหว หาหาอุปกรณ์​หรือของเล่นที่เหมาะสมกับวัยมาไว้ในบ้าน เพื่อให้มีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการกระตุ้นความรู้สึกของตนเอง และไม่ควรให้ลูกแยกตัวออกจากพ่อแม่ไปอยู่ตามลำพังนานเกินไป

4.อย่าดุ ด่า ขู่ ตำหนิ

พฤติกรรมที่เด็กทำไม่ใช่เรื่องผิด คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรดุด่าหรือไปตำหนิ หรือพยายามอธิบายให้เด็กเข้าใจในมุมมองเรื่องเพศอย่างที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึก การทำให้เด็กรู้สึกผิด ทำสิ่งไม่สมควร เป็นการทำลายความนับถือตนเอง ส่งผลให้เกิดทัศนคติทางเพศที่ไม่ดีต่อ และหากเด็กพบว่าคำตำหนิหรือคำขู่ที่พ่อแม่กล่าวมาไม่ใช่เรื่องจริง คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องเพศอื่น ๆ ก็จะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือตามไปด้วย

5.แนะนำเชิงบวก

หากลูกของคุณอยู่ในวัยที่โตขึ้นมาสักหน่อย ลองชวนคุยโดยบอกลูกว่า ตอนเป็นเด็กคุณก็เคยทำแบบนั้นบ้าง แต่สังเกตเห็นว่าลูกทำบ่อยเกินไป ทำให้ไม่ได้ทำกิจกรรมอื่น ลูกอยากทำกิจกรรมหรือมีเรื่องที่สนใจอยู่บ้างไหม การสนทนาดังกล่าวอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์สำหรับการพูดคุยเรื่องเพศกับลูกตั้งแต่ยังเด็ก

พ่อแม่ที่ขี้อายบางคนอาจจะไม่อยากพูดเรื่องนี้กับลูกโดยตรง และอาจจะขอให้บุคคลอื่นในครอบครัวที่ลูกไว้วางใจเป็นคนพูดแทน สามารถทำได้ แต่ขอให้มั่นใจว่าเป็นคนในครอบครัวที่ลูกเชื่อใจหรืออาจเคยเห็นพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อไม่ให้ลูกของคุณรู้สึกอับอายหรือรู้สึกว่าพ่อกับแม่นำเรื่องของตนเองไปเล่าให้คนอื่นฟัง อย่างไรก็ตามการมอบหน้าที่นี้ให้คนอื่น พึงระลึกไว้เสมอว่า คุณกำลังยกโอกาสในการเรียนรู้ที่จะพูดคุยในฐานะผู้ให้คำปรึกษาแก่ลูกแก่คนอื่นไปอย่างน่าเสียดาย