ในวัยเด็กหลายคนคงเคยถูกเพื่อน“รังแก” ด้วยการทำร้ายร่างกายหรือใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมซึ่งบางเหตุการณ์กลายเป็นปมในใจที่ปัจจุบันก็ยังไม่ลืม และคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้กับลูกตัวเองแต่ปัจจุบันการรังแกหรือทำร้ายกันรุนแรงขึ้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และสามารถเกิดจากคนที่ไม่ต้องรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ เพราะเป็นการรังแกกันในโลกออนไลน์หรือที่เรียกว่า Cyberbullying
การรังแกกันบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นได้กับทุกคน และเกิดขึ้นมากที่สุดในประเภทการรังแกทั้งหมดพฤติกรรมที่เรียกว่า Cyberbullying มีรูปแบบทั้งการล่วงละเมิดการหมิ่นประมาทการปลุกปั่น สร้างกระแสการใช้ภาษาที่รุนแรง การปลอมเป็นคนอื่นการเปิดเผยความลับ และ การส่งข้อความคุกคามซ้ำ(Cyber stalking)ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เกิดจากการส่งภาพหรือข้อความ แสดงความคิดเห็น ที่รุนแรง หยาบคาย คุกคามเผยแพร่ข้อความเท็จ ใส่ร้ายผู้อื่นหรือจงใจทำให้เกิดความขัดแย้ง การแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น และการรวมไปถึงเผยแพร่ภาพและข้อความที่เป็นความลับต่าง ๆ ด้วย
การรังแกกันบนโลกออนไลน์ อาจไม่มีบาดแผลทางร่างกายให้เห็น แต่ผลทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกรังแกบางคนนั้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรงก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า บางคนไม่อยากไปโรงเรียนหรือไม่กล้าออกจากบ้านเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยหรืออับอาย ที่สำคัญภาพหรือข้อความที่เผยแพร่อยู่ในอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถลบออกไปได้ ภาพและข้อมูลที่ถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว จึงเสมือนฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนไม่จบสิ้น มีวัยรุ่นบางรายที่นำไปสู่ความคิดสั้น การฆ่าตัวตาย
ที่น่าเป็นห่วงคือ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าการโพสต์หรือการกระทำของตัวเองบนโลกออนไลน์ เป็นการรังแกผู้อื่น และหลายรายทำโดยไม่ตั้งใจ
การป้องกันตนเองจากการถูกรังแกบนโลกออนไลน์ควรระมัดระวังไม่เป็นผู้ที่รังแกผู้อื่นเสียเอง หากพบภาพหรือคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสม ควรระมัดระวังในการแชร์หรือส่งต่อภาพของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมไปถึงการtag หรือ # hashtags ที่จะทำให้ภาพหรือข้อความเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ไม่ตกแต่งภาพของผู้อื่นให้ดูตลกแล้วเผยแพร่ภาพหรือข้อความเพื่อให้ผู้อื่นได้รับความอับอายขณะเดียวกันก็ต้องไม่ปล่อยให้ผู้อื่นถ่ายรูปตัวเองที่อาจทำให้เรารู้สึกอับอายได้ในภายหลัง ที่สำคัญต้องระวังไม่ให้แฟนหรือคนรู้จักถ่ายวิดีโอคลิปหรือภาพโป๊เปลือยโดยเด็ดขาด การถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ พบเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมบ่อยที่สุด
วิธีการรับมือเมื่อถูกรังแกออนไลน์ควรบล็อกบุคคลนั้นไม่ให้เห็นเราในโลกออนไลน์ อย่าลืมเซฟภาพหน้าจอและข้อความเหล่านั้น เก็บไว้เป็นหลักฐานและ ไม่ควรส่งข้อความ หรือ คอมเมนต์โต้ตอบกลับ เพราะจะยิ่งทำให้เรื่องแพร่กระจายมากขึ้น จัดการแจ้งเจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้ลบข้อความดังกล่าวทันที รีบแจ้งผู้ใหญ่ อย่าเก็บไว้เครียดตามลำพัง
ส่วนผู้ที่พบเห็นการรังแกกันบนโลกออนไลน์การนิ่งเฉยหรือส่งต่อจะถือได้ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของการรังแกนั้นด้วยควรรายงานเจ้าหน้าที่เว็บให้ทราบซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะมีปุ่มให้ร้องเรียนความไม่เหมาะสมอยู่แล้ว หากเป็นSocial media ให้รายงานให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบ โดยคลิกปุ่ม “Report Abuse”ถ่ายภาพหน้าจอ (Screenshot)ภาพหรือข้อความที่ถูกรังแกเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยผู้ที่ถูกรังแกให้รู้สึกดีขึ้นได้ ด้วยการให้กำลังใจย้ำว่าไม่ใช่ความผิดของเขาและไม่มีใครสมควรถูกกระทำ เพื่อให้เขารับรู้ว่ามีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือและสร้างความมั่นใจให้เขากล้าที่ขอความช่วยเหลือ หากเหตุการณ์เกิดขึ้นในสถานศึกษาควรรีบบอกครู หรือพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือผู้ที่ไว้ใจ เพื่อให้รู้สึกว่ามีที่พึ่งที่ปลอดภัยที่โรงเรียน
